Clinical aspect of Hypersensitivity reaction
Type IV Hypersensitivity
Contact sensitivity/Contact dermatitis
มีเนื้อเยื่อผิวหนังเป็นเป้าหมาย
เกิดจากการสัมผัสบริเวณผิวหนังของ Allergen/Haptenบางชนิด โดยสารจะซึมผ่านผิวหนังและจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์ : แสดงคุณสมบัติเป็น “Antigen”
ถูกทำลายด้วยกระบวนการ Phagocytosis โดย Langerhans cell
เกิดกระบวนการ Antigen processing & Antigen presentation ให้กับ T lymphocytes
เกิดการ differentiation ไปเป็น Th1 cell & กระตุ้นการทำงานของ CMIR
แสดงพยาธิสภาพเฉพาะ : blister formation, spongiosis, มี Mononuclear cell สะสมในชั้น dermis
ตั้งแต่เกิดการสัมผัสสารจนถึงระยะแสดงพยาธิสภาพจะใช้เวลา ~ 48-72 ช.ม.
Granulomatous Hypersensitivity
เกิดจากการคงอยู่ของ antigen ที่ร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ : Schistosome, mycobacteria
ส่งผลให้เกิดการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเป็นระยะ
เกิดพยาธิสภาพแบบเรื้อรัง
เนื้อเยื่อจะมี Macrophage & mononuclear cell รวมตัวสะสมอยู่จำนวนมาก
ลักษณะของพยาธิสภาพ
มีประสิทธิภาพในการกำจัดสิ่งแปลกปลอมได้ต่ำ
เป็นกลไกในการแยกสิ่งแปลกปลอมออกจากเนื้อเยื่อปกติ
ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของสิ่งแปลกปลอมไปยังเนื้อเยื่ออื่นๆ
Tuberculin-type Hypersensitivity
ก่อให้เกิด Cutaneous inflammatory reaction
ผิวหนังบวมแข็ง
เกิดจากการสัมผัสสาร tuberculin ที่สกัดได้จากเชื้อ Mycobacterium tuberculosis
โดยจะนำสารมาาจัดเตรียมเป็น Purified protein derivative เพื่อนำมาทดสอบการตอบสนองต่อเชื้อ TB
ถ้าผู้ได้รับสาร Tuberculin มีพยาธิสภาพแบบ Tuberculin-type Hypersensitivity ภานยใน 48-72 ช.ม. : เคยสัมผัสมาก่อน/ได้รับการฉีดวัคซีน BCG มา
เรียกการทดสอบนี้ว่า “Tuberculin test/Mantoux test/PPD test”
ยังสามารถนำมาใช้ในการทดสอบความสมบูรณ์ในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันแบบ CMIR ได้
Type I Hypersensitivity
Allergic reaction
เกิดจาก allergen-specific IgE ไปเกาะกับ allergen-specific IgE-sensitized mast cell ซึ่งเป็น mast cell ที่อยู่ใน degranulation จากนั้นจะหลั่งสารที่ทำให้เกิดการอักเสบออกมา เกิดเป็น local inflammation แต่ในรายที่รุนแรงจะเกิดเป็น systemic inflammation ซึ่งอาจทำให้เกิด Anaphylaxis shock
Disease
Hay fever
เกิดจาก inhalant allergensไปสัมผัสกับ allergen-specific IgE-sensitized mast cell บริเวณ nasal passage
พยาธิสภาพที่สำคัญ sneezing , coughing
Food allergies
เกิดจาก ingesting allergens ไปสัมผัสกับ allergen-specific IgE-sensitized mast cell บริเวณ upper/lower gastrointestinal tract
พยาธิสภาพที่สำคัญ vomiting , diarrhea
Atopic Dermatitis
เป็นผลมาจาก secondary mediators ของ mast cell ที่ผิวหนัง ส่งสัญญาณให้เกิด chemotaxis ของ inflammatory cell ชนิดต่างๆ
Asthma
เป็นลักษณะของ local anaphylaxis เกิดเป็นกลุ่มอาการเรื้อรัง
พยาธิสภาพที่สำคัญ airflow obstruction, bronchial hyperresponsiveness และการอักเสบ
Type II Hypersensitivity
Transfusion Reaction
การให้เลือดผิดหมู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่เลือดระบบ ABO (ABO-incompatible blood )
IgM จับกับ A- หรือ B-antigen เกิดการกระตุ้น complemnt ผ่าน Classical pathway ทำให้ RBC แตกอย่างสมยูรณ์ในหลอดเลือด
เกิด systemic inflammation จากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็น Anaphylactic factors
Drug-induce Reaction
ปฎิกิริยาภูมิไวเกินที่เกิดจากยาบางชนิดมีคุณสมบัติเป็น Haptens
Haptens สามารถจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์หรือเกล็ดเลือด
เกิดการกระตุ้นให้มีการสร้าง IgM ขึ้น
แอนติบอดีเจอกับยาที่จับอยู่บนผิวเซลล์หรือเกล็ดเลือด
เกิดปฎิกิริยาตอบโต้ของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานร่วมกับแอนติบอดี
หากยาจับกับเกล็ดเลือดจะทำให้เกิดเป็น Thrombocytopenia purpura ยาในกลุ่ม phenacetin
Chlorpromazine จับกับRBC จะทำให้เกิดเป็น Hemolytic anemia และยาในกลุ่ม chloramphenicol จับกับ granulocytes จะทำให้เกิดเป็น agranulocytosis
Hemolytic Disease of Fetus and Newborn (HDFN)
ปฎิกิริยาที่เกิดจากมารดาและบุตรในครรภ์มี Rh
แม่ที่มี Rh ที่ไม่ตรงกับลูกในตอนแรกจะเริ่มสร้างแอนติบอดีแต่ยังไม่เข้าไปทำงาน แต่ในกรณีที่ตังครรภ์ คนที่สองแม่จะมีการต่อต้านต่อลูกคนที่สอง โดยการเข้าไปทำงานของ IgG
โดย IgG สามารถผ่านรกได้ จึงสามารถเข้าไปทำการต่อต้านต่อลูกคนที่สอง
โรคนี้สามารถทำอันตรายต่อทั้งลูกและอม่ได้เช่นกัน
Type III Hypersensitivity
Serum Sickness
ปฎิกิริยาตอบสนองต่อการได้รับเซรุ่มจากสิ่งมีชีวิตอื่น
กำจัด Exotoxin จากเชื้อ Clostridium และ Corynebacterium
ส่งผลกระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้ให้ร่างกายผู้รับ
เกิด immune complex 3 ขนาด
Small/Intermediated complex สามารถกำจัดได้โดย Phagocytosis
Large complex เกิดการทับถมตามเนื้อเยื่อหลอดเลือดฝอย เกิดการอักเสบ ไข้ ปวดตามข้อ เป็นต้น
Rheumatic fever
ปฎิกิริยาการตอบสนองที่มีความสัมพันธ์กับการติดเชื้อ Group A streptococci
Antigen ผนังเซลล์ตัวเชื้อมีส่วน epitope มีความเป็นแอนติเจนคล้ายกันกับแอนติเจนของเยื่อกล้ามเนื้อหัสใจ กระดูกอ่อน glomerular basement membrane
เมื่อติดเชื้อกลุ่มดังกล่าวจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ต่อตัวเชื้อนั้น
แอนติบอดี้บางส่วนเกิด Cross reaction กับเนื้อเยื่อที่กล่าว
เกิดกระตุ้นการทำงานของระบบ complement / ADCC Neutrophill
เกิดการอักเสบ ผุ้ป่วยมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ข้ออักเสบ กรวยไตอักเสบ
Arthus reaction
ปฎิกิริยาการตอบสนองเกิดจากแอนติเจนในระบบไหลเวียนจับกับ IgG
มีการกระตุ้นสร้าง antibody excess จับกลุ่ม Intermediated immune complex ใกล้ผนังหลอดเลือด
เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือด จากการกระตุ้นระบบ Complement / Neutrophill
หลอดเลือดเสียสภาพในการรักษาสมดุลของเหลวในหลอดเลือด เลือดออกในเนื้อเยื่อ เกิด Tissue necrosis
การตรวจทางห้องปฎิบัติการ
1.ตรวจหาแอนติบอดีที่มีความจำเพาะต่อแอนติเจน
2.ตรวจเซลล์หรือโมเลกุลที่เปลี่ยนแปลงไปในกระบวนการตอบสนอง
การตรวจวินิจฉัยภาวะภูมิไวเกินทางห้องปฏิบัติการวิทยาภูมิคุ้มกันคลินิก
Type I
ทดสอบเพื่อหาการตอบสนองของ Mast cell/Basophil ต่อ Allergen (ตรวจแบบจำเพาะ) & การเปลี่ยนแปลงของ IgE (ตรวจคัดกรอง/ยืนยันเพิ่มเติม)
ทางผิวหนัง
ทดสอบการตอบสนองของ Mast cell/Basophil ที่ผิวหนังต่อAllergen ที่สัมผัส —> หากมีการตอบสนอง จะเกิดการอักเสบบริเวณผิวหนังแบบ “Wheal-Flare reaction” ภายใน 10-15 นาที
ทดสอบหาระดับ IgE โดยการติดฉลากด้วยตัวตรวจจับ IgE ด้วยสารรับสีในตัวกลางชนิดต่างๆ ซึ่ง RIST & PRIST : หาปริมาณ Total IgE ใน serum ส่วน RAST : หา Allergen-specific IgE
ปัจจุบันใช้การตรวจวัดอื่นมาทดแทน : ELISA, Fluorescence, CLIA
ตรวจการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ในการ Effector phase
Type II
เป็นการทดสอบเฉพาะโรค เพื่อหาปฏิกิริยาที่เกิดจากการกระตุ้น Classical pathway ของระบบ Complement
หา Sensitized antibody/molecule ในกลุ่มที่ได้รับเลือดผิดหมู่และทารกที่คลอดด้วยภาวะ HDFN โดยทดสอบหาองค์ประกอบของโมเลกุลที่ติดอยู่บนผิวเซลล์ : ใช้เทคนิค DAT, IAT
ตรวจหา antibody-sensitized cell (IgM & IgG)
ตรวจหาองค์ประกอบของ C3d บนผิวเซวล์
ทดสอบหา Specific antibody/molecule : ทดสอบหา antibody ที่มีความจำเพาะต่อ antigen บางชนิดบนผิวเซลล์ที่สามรถพบได้อย่างจำเพาะกับโรคบางโรค —> โรค SLE
ตรวจหาปริมาณโปรตีนชนิดต่างๆในน้ำเลือดที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้น complement
ตรวจการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเม็ดเลือดขาว : Neutrophil
ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง
ตรวจระดับ Bilirubin
ตรวจ Renal function test : กลุ่มโรค Autoimmune disease
Type III
เป็นการทดสอบเฉพาะโรค : Autoimuune disease
การทดสอบแบบไม่จำเพาะ เพื่อใช้ประกอบการวินิจฉัย
ตรวจหา Autoantibody ที่จำเพาะต่อโมเลกุลต่างๆ ของโรค : anti-dsDNA ในโรค SLE
ตรวจหาโมเลกุล Ag-Ab complex : Rheumatoid factor ใน Rheumatoid Arthritis
Type IV
การทดสอบจะเกี่ยวข้องกับการสร้าง mononuclear cell ในระบบไหลเวียนเลือด